ปลาแซลมอน เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในทะเลน้ำลึกแถบอากาศหนาว จำทำให้สะสมไขมันชนิดดีที่เรียกกันว่า โอเมก้า3 และจะว่ายทวนน้ำขึ้นไปวางไข่ที่กระแสน้ำอุ่น มาดูคุณประโยชน์ของปลาชนิดนี้กันค่ะ
แซลมอน |
ประโยชน์ของปลาแซลมอน
1. ประโยชน์ของปลาแซลมอนสะอาดไร้พยาธิ เนื่องจากแซลมอนมักถูกทำมารับประทานแบบสดมากกว่าการปรุงผ่านความร้อน หลายคนจึงเป็นกังวลเรื่องสารที่ตกค้างในตัวปลา รวมไปถึงพยาธิ ขอบอกเลยว่า ‘แซลมอน’ เป็นปลาที่สะอาดและสามารถรับประทานสดได้อย่างปลอดภัยแน่นอน ถึงแม้จะอาศัยอยู่ในทะเลน้ำลึกเขตหนาว แต่เมื่อถึงฤดูวางไข่ แซลมอนจะว่ายทวนกระแสน้ำเพื่อกลับไปยังแหล่งน้ำบริสุทธิ์ที่มันเกิด จึงมั่นใจได้ไม่มีสารพิษเจือปนบนผิวหนังหรือเนื้อปลาแน่นอน เพราะปลาประเภทนี้จะไม่ทนทานต่อแหล่งน้ำสกปรก
2. ประโยชน์ของปลาแซลมอนลดไขมันและคอเลตเตอรอลในร่างกาย อาจกล่าวได้ว่าไขมันดีในปลาแซลมอนสามารถกำจัดไขมันไม่ดีที่สะสมในร่างกายมนุษย์ได้ กล่าวคือแซลมอนเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเลน้ำลึกเขตหนาว มันจึงต้องกินสาหร่ายและแพลงตอนทะเลเป็นอาหารเพื่อสะสมไขมัน โดยไขมันชนิดนี้เรียกว่า ‘โอเมกา 3’ ที่ร่างกายมนุษย์ต้องการแต่ผลิตเองไม่ได้ ดังนั้นเมื่อรับประทานแซลมอนที่อุดมไปด้วยไขมันชนิดนี้เข้าไปก็จะเป็นการลดไขมันเสียตามผนังเลือดและหลอดเลือด ลดอัตราการเกิดเส้นเลือดอุดตันรวมไปถึงโรคหัวใจได้ดี
3. ประโยชน์ของปลาแซลมอนเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สำหรับผู้ที่อยากสร้างกล้ามเนื้อแต่เบื่อที่จะรับประทานอกไก่ในทุกๆ มื้อ ก็สามารถเปลี่ยนมารับประทานปลาแซลมอนได้ เนื่องจากแซลมอนเป็นปลาที่อุดมไปด้วยโปรตีนที่ดูดซึมได้ง่ายกว่าโปรตีนจากสัตว์บกหรือสัตว์ปีก นอกจากนั้นยังไม่มีสารก่อมะเร็งสามารถรับประทานได้อย่างสบายใจ ยิ่งไปกว่านั้นแซลมอนยังอุดมไปด้วยวิตามิน A, B และ D รวมถึงแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายทั้งแคลเซียม ฟอสฟอรัสและธาตุเหล็กที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดี
4. ประโยชน์ของปลาแซลมอนเสริมสร้างระบบประสาทและสมอง อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ปลาแซลมอนเป็นปลาที่อุดมไปด้วย ‘โอเมกา 3’ ดังนั้นจึงมีคุณสมบัติสำคัญในการเสริมสร้างระบบประสาทและสมองได้ด้วย โดยโอเมกา3 จะทำหน้าที่บำรุงสมอง ช่วยให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความสามารถในการจดจำ นอกจากนั้นวิตามินเอในปลาแซลมอนเมื่อทำงานร่วมกับกรดอะมิโนจะช่วยป้องกันความเสื่อมของระบบประสาทเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้นในรายที่รับประทานแซลมอนเป็นประจำจะทำให้อัตราการเกิดโรคทางประสาทจำพวก โรคพาร์กินสัน ลดน้อยลงนั่นเอง
5. ประโยชน์ของปลาแซลมอนลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน การรับประทานปลาแซลมอน เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้ดีอีกทางหนึ่ง โดยเมื่อร่างกายมีการเผาผลาญได้ดีก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ลดลงและกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งกระบวนการนี้จะเป็นการลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานได้ดีอีกด้วย
6. ประโยชน์ของปลาแซลมอนช่วยให้อารมณ์ดี เนื่องจากปลาแซลมอนช่วยเสริมสร้างระบบประสาทและสมอง การรับประทานแซลมอนจึงสามารถลดความตึงเครียดหรืออาการวิตกกังวลซึ่งเกิดจากการทำงานของสมองได้ดี นอกจากนั้นยังช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ในผู้ที่รับประทานปลาแซลมอนเป็นประจำจะช่วยลดอัตราเสี่ยงของอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อที่เป็นอาการเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นโรคกล้ามเนื้ออักเสบหรือโรครูมาตอยด์
7. ประโยชน์ของปลาแซลมอนช่วยคงความอ่อนเยาว์ จะเห็นได้ว่าคนญี่ปุ่นจะคงความเป็นหนุ่มสาวได้ยาวนานกว่าคนประเทศอื่น ทั้งความชุ่มชื้นและกระจ่างใสของผิวพรรณแม้อายุจะล่วงเลยมาค่อนข้างมาก เนื่องจากคนญี่ปุ่นนิยมรับประทานปลา และหนึ่งในปลาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ‘ปลาแซลมอน’ โดยปลาแซลมอนจะอุดมไปด้วยคอลาเจนบริสุทธิ์ตามแบบฉบับของปลาน้ำลึก เมื่อรับประทานเข้าไปจะช่วยเพิ่มความสดใสให้ผิวพรรณ ทำให้ดูมีน้ำมีนวลและอ่อนกว่าวัย
จะเห็นได้ว่า ‘ปลาแซลมอน’ เป็นปลาที่อุดมไปด้วยโอเมกา 3 คอลาเจนและวิตามินต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งยังอร่อยและหาซื้อได้ง่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป นอกจากนี้เนื้อปลาแซลมอนยังมีรสชาติดี สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายเมนู จะรับประทานสดๆ กับวาซาบิหรือนำมาทำเป็นข้าวปั้นสไตล์ญี่ปุ่นก็ได้ จะนำมารมควัน ย่างเกลือหรือทำเป็นสเต็กปลาแซลมอนตามแบบตะวันตกก็ดี ยิ่งไปกว่านั้นปัจจุบันยังได้มีการนำปลาแซลมอนมาประยุกต์ให้เข้ากับเมนูคนไทยอย่าง ‘ลาบแซลมอน’‘ ยำตะไคร้แซลมอน’ หรือ ‘ห่อหมกแซลมอน’ ด้วยรสชาติที่จัดจ้านและกลิ่นหอมของสมุนไพรไทยผสมผสานกับเนื้อปลาแซลมอนฉ่ำๆ ยิ่งทำให้เจริญอาหารได้ดีอย่าบอกใคร
ทราบประโยชน์ของปลาแซลมอนแบบนี้แล้ว อย่าลืมแวะมาเติมไขมันดี ๆ เข้าสู่ร่างกายที่โอฮาโยกันนะคะ
แหล่งอ้างอิง : http://sukkaphap-d.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%8B%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%99/
No comments:
Post a Comment